วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Step 9 Operator ใน PHP

PHP Operators

ใน PHP จะทำการแบ่งกลุ่มของ Operators ไว้ดังนี้

Arithmetic operators

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของการคำนวน ใช้กับตัวเลข
ExampleNameResult
-$aNegationค่าตรงข้ามของ $a
ถ้า $a เป็น + ค่าที่ได้จะกลายเป็นลบ
ส่วนถ้า $a มีค่าเป็น - ค่าที่ได้จะกลายเป็น +
$a + $bAdditionผลบวกของ $a และ $b.
$a - $bSubtractionผลลบของ $a และ $b.
$a * $bMultiplicationผลคูณของ $a และ $b.
$a / $bDivisionผลหารของ $a และ $b.
$a % $bModulusผลที่ได้จะเป็น "เศษ" ที่ได้จากการหารของ$a และ $b.
$a ** $bExponentiationผลที่ได้จะเป็น $a ยกกำลัง $b
*** ใช้ได้ตั้งแต่ PHP 5.6 ขึ้นไปเท่านั้น

Assignment operators

เป็นกลุ่มของการกำหนดค่าให้กับตัวแปร ใช้กับตัวเลขเท่านั้น
กำหนดค่าเหมือนกับรายละเอียด
$x = $y$x = $yกำหนดค่าของตัวแปรด้านขวาให้กับตัวแปรด้านซ้าย
$x += $y$x = $x + $yเพิ่มค่าไปอีก $y จากค่าที่ $x มีอยู่
$x -= $y$x = $x - $yลดค่าลงไป $y จากที่ $x มีอยู่
$x *= $y$x = $x * $y$x เท่ากับ $x คูณ $y
$x /= $y$x = $x / $y$x เท่ากับ $x หาร $y
$x %= $y$x = $x % $y$x เทากับ เศษที่ได้จากการนำ $x ไปหารด้วย $y

Comparison operators

กลุ่มของการเปรียบเทียบ ผลลัพธ์จาก Operator กลุ่มนี้จะเป็น TRUE หรือ FALSE
ExampleResult
$a == $bTRUE ถ้า $a มีค่าเทียบเท่ากับ $b ไม่จำเป็นต้องมี Data Type เดียวกัน เช่น 0 มีค่าเทียบเท่ากับ False
$a === $bTRUE ถ้า $a มีค่าเท่ากับ $bและมี Data Type ชนิดเดียวกัน
$a != $bTRUE ถ้า $a ไม่เท่ากับ $b หลังจากที่ PHP พยายามแปลงค่า
*** ดังนั้นจึงได้ว่า $a ไม่เทียบเท่ากับ $b
$a <> $bTRUE ถ้า $a ไม่เทียบเท่ากับ $b เหมือนกับ "!="
$a !== $bTRUE ถ้าค่าของ $a ไม่เท่ากับ $b
หรือมี Data Type ไม่เหมือนกัน
$a < $bTRUE ถ้า $a มีค่าน้อยกว่า $b
$a > $bTRUE ถ้า $a มีค่ามากกว่า $b
$a <= $bTRUE ถ้า $a มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ $b
$a >= $bTRUE ถ้า $a มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ $b

Increment/Decrement operators

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของการเพิ่มค่า และการลดค่าของตัวแปร
ExampleEffect
++$aเพิ่มค่า $a อีก 1 ก่อนจะที่จะทำการ return ค่า
$a++return ค่า $aก่อนแล้วถึงจะทำการเพิ่มค่าทีหลัง
--$aลดค่าของ $a ลง 1 แล้วค่อยทำการ return ค่า
$a--return ค่า $aก่อนแล้วค่อยทำการลดค่าของ $aลง 1

**** การใช้งานเครื่องหมาย ++ และ -- อย่างง่ายๆคือ ถ้าเราไม่ทำการ return ค่าของตัวแปรออกไปก็จะไม่ต้องกังวลกับเครื่องหมาย ++ หรือ --
เราควรจะใช้ $x++; อย่างเดียว อย่าพยายามใช้ echo $x++;

Logical operators

เป็นกลุ่มของการเชื่อมเงื่อนไขต่างๆ เข้าด้วยกัน
ExampleNameResult
$a and $bAndTRUE ถ้าค่าของ $a และ $b เป็นจริง
$a or $bOrTRUE ถ้าค่าของ $a หรือ $b เป็นจริง
$a xor $bXorTRUE ถ้าค่าของ $a และ $b ต่างกัน
*** ถ้าตัวใดตัวหนึ่งเป็น TRUE อีกตัวต้องเป็น FALSE
! $aNotTRUE ถ้า $a เป็น FALSE.
$a && $bAndTRUE ถ้าค่าของ $a และ $b เป็นจริง เหมือนกับ "and"
$a || $bOrTRUE ถ้าค่าของ $a หรือ $b เป็นจริง เหมือนกับ "or"

String operators

กลุ่มของ operators ที่ทำงานกับข้อความ
ExampleNameResult
$a . $bConcatenationเชื่อมข้อความ $a และ $bเข้าด้วยกัน
$a .= $bConcatenation assignmentเชื่อมข้อความ $b ต่อท้าย $a

Array operators

กลุ่มของ operators ที่ทำงานกับ array
ExampleNameResult
$a + $bUnionนำเอา Array $a และ $bมา Union กัน
$a == $bEqualityTRUE ถ้า $a และ $b มีค่าใน Array เหมือนกัน เทียบทั้ง Key และ Value
(ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ)
$a === $bIdentityTRUE ถ้า $a และ $b เป็นตัวแปรชนิดเดียวกัน รวมทั้งมีค่า key และ value ตรงกัน (ตามลำดับ)
$a != $bInequalityTRUE ถ้า $a ไม่เท่ากับ Array $b
$a <> $bInequalityTRUE ถ้า $a ไม่เท่ากับ Array $b เหมือนกับ "!="
$a !== $bNon-identityTRUE ถ้า $a ไม่เท่ากับ Array $b
ตรงข้ามกับ "===="

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Set MongoDB in the windows path environment

  Let’s set MongoDB in the windows environment in just a few steps. Step 1: First download a suitable MongoDB version according to your mach...