แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SAN แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ SAN แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

SAN STORAGE คืออะไร

SAN STORAGE คืออะไร

04ก.ค.

          สำหรับใครที่อยู่ในองค์กรและกำลังศึกษาระบบ VMware หรือ CCTV ก็คงจะต้องได้ยินคำว่า SAN Storage บ่อยๆ วันนี้ทีมงาน Storage Whale จะมาเจาะลึกให้ว่า SAN Storage คืออะไร เอาไว้ทำอะไร และเลือกยังไงดี

ESDS_family

1. ภาพรวมของ SAN STORAGE

ปัญหาปกติของการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญมากๆ คือปัญหาทางด้านความเร็ว และความทนทานของข้อมูล เนื่องจาก Hard Disk ทั่วๆ ไป นอกจากจะมีความเร็วไม่เพียงพอต่อการใช้งานระดับ Enterprise, Database และ Video Editing แล้ว ถ้าหากส่วนใดส่วนหนึ่งของ Hard Disk เสียหาย ก็อาจทำให้ข้อมูลทั้งหมดสูญหายไปได้ทันที ดังนั้นเทคโนโลยีการทำ RAID จึงถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถใช้ Hard Disk หลายลูกพร้อมๆ กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดกเก็บข้อมูล และเพิ่มความทนทานไปในเวลาเดียวกัน
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าหากระบบที่ใช้เป็นระบบขนาดเล็ก เราก็อาจนำ Hard Disk หลายๆ ลูกมาติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว แล้วทำ RAID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทาน แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการทั้งความเร็วของระบบจัดเก็บข้อมูล และความทนทานระดับสูง ก็จะต้องหันมาใช้ SAN Storage เพื่อทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลสำคัญขององค์กรโดยเฉพาะแทน

2. หน้าตาของ SAN STORAGE

SAN Storage จะมีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 12 Drives จนถึงหลายพัน Drives และมักจะถูกออกแบบมาสำหรับติดตั้งบนตู้ Rack โดยสามารถใช้เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงๆ ได้โดยตรง หรือติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ Server เพื่อให้บริการงานที่สำคัญๆ ต่างๆ มากมาย

3. การติดตั้ง SAN STORAGE

การติดตั้ง SAN Storage   นี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นจาก NAS Storage  ตั้งแต่การปรับปรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถเชื่อมต่อกับ SAN Storage ได้ รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ มากมาย  ดังนั้นโดยทั่วไปการลงทุน SAN Storage ทางผู้ขายระบบมักจะมีบริการติดตั้งให้ถึงที่ด้วย

4. ความสามารถของ SAN STORAGE

SAN Storage จะเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูล และการรักษาข้อมูลให้มีความทนทานสูงยิ่งขึ้น ดังนี้
  • ทำ RAID ได้หลายระดับ เช่น RAID 0, 1, 3, 5, 6, 10, 30, 50, 60 และ Spare Drive เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นต่อการใช้งานหลายรูปแบบ
  • ปรับขนาด Cache ของ Storage เพื่อเพิ่มความเร็วของการเข้าถึงได้
  • มี Interface   ให้เลือกระหว่าง Fibre Channel ความเร็ว 8Gbps สำหรับระบบที่ต้องการความเร็วสูง และ iSCSI ความเร็ว 1GbE สำหรับระบบที่ต้องการความเร็วน้อยลง หรือใช้ iSCSI ความเร็ว 10GbE เพื่อให้เร็วใกล้เคียงกับ Fibre Channel ก็ได้
  • มีความสามารถในการรักษาข้อมูลระดับลึก เช่น การทำ Snapshot, Volume Copy, Volume Mirror หรือแม้แต่การรักษาข้อมูลข้ามสาขาด้วย Remote Replication
ทั้งนี้การเลือกใช้ SAN Storage ควรจะเลือกให้เหมาะสมต่องานที่ใช้ ทั้งในแง่ของความสามารถ, ประสิทธิภาพ และราคาที่ต้องการ

5. ประเภทงานที่เหมาะสมกับ SAN STORAGE

ตัวอย่างงานที่เหมาะสมกับการใช้ SAN Storage มีดังต่อไปนี้
  • งานจัดเก็บฐานข้อมูล Database
  • งานศูนย์ข้อมูลเสมือน Virtualization / Cloud Data Center
  • งานสำรองข้อมูลเอกสาร, รูปภาพ, เสียง, วิดีโอ สำหรับ Studio ตัดต่อ
  • งานศูนย์ข้อมูลสำรอง Disaster Recovery Data Center
  • งานตัดต่อวิดีโอ Video Editing
  • งานจัดเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิด CCTV Camera
  • งานจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
  • งานประมวลผลประสิทธิภาพสูง High Performance Computing
ที่มา: www.storagewhale.com

ระบบ SAN เสมือน (Virtual SAN) คืออะไร ?

ระบบ SAN เสมือน (Virtual SAN) คืออะไร ? 
VMware Virtual SAN เป็นซอฟท์แวร์นิยามใหม ่เพื่อจัดการลำดับชั้นของสตอเรจสำหรับ VMware vSphere ซึ่งนำพาประโยชน์มากมายของซอฟท์แวร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์มาสู่ตัวสตอเรจ โดยรวมกลุ่มคลัสเตอร์ของ ฮาร์ดดิสก์เซิร์ฟเวอร์ และโซลิดสเตทไดร์ฟ เข้าด้วยกัน ตัวระบบ SAN เสมือน (Virtual SAN) จะสร้างการทำงานแบบแฟลช การแบ่งปันพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานในสภาวะแวดล้อมแบบเสมือน 
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก http://goo.gl/2o0Cfi

SAN / DAS / NAS ต่างกันยังไง :

SAN / DAS / NAS ต่างกันยังไง :

         ในปัจจุบันมีเทคโนโลยี่เกี่ยวกับ Storage อยู่ 3 แบบหลักๆ ในเบื้องต้นของธุรกิจ เราก็มักจะใช้ SERVER ตัวแรกและตัวเดียวในบริษัทเรามาเป็น Storage ไปด้วย หาก Disk ไม่พอ เราก็จะทำการเพิ่ม External Disk ไปเรื่อยๆ ตามการขยายของบริษัท เขาเรียกการต่อ Storage แบบนี้ว่า DAS (Direct Attach Storage) ต่อมา พอบริษัทเริ่มโต เริ่มมี SERVER 2 ตัว 3 ตัว เริ่มจะต้องการเอาข้อมูลที่อยู่ใน SERVER มา Share กันใน Network เริ่มมีข้อมูลกลางที่ SERVER แต่ละตัวต้องมาเอา เช่น Application Server ที่แตกต่างกันในแต่ละ SERVER มาเอาข้อมูลใน Database SERVER ซึ่งก็ใช้งานร่วมกัน การที่จะนำ Storage ไปไว้หลังเครื่องใดเครื่องหนึ่งก็จะเกิดความเสี่ยง เพราะเกิดเครื่องนั้นเดี้ยงไป ก็จบเหแน่ๆ ก็เลยกลายเป็นเทคโนโลยี่ที่เรียกว่า NAS (Network Attach Storage) คือการนำ Storage SERVER ต่อเข้ากับ Network จะเป็น 100 Mbps หรือ 1 Gbps ก็แล้วแต่ แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอีก หากมีการใช้งานมาก Traffic ที่อยู่ใน Network ก็จะลำบาก ลองคิดดู ขณะที่ SERVER ต้องการ Backup คุยกัน แต่ Client ที่อยู่ใน Network ก็ยังต้องคุยกันใน Network มันก็ทำให้วิ่งได้น้อยลง เกิดองค์กรมีคน 100 คน วิ่งบน 1 Gbps ก็วิ่งกันได้คนละ 10 Mbps เต็มที่ จึงทำให้เราอยู่ในยุคที่มีเทคโนโลยี่ใหม่เข้ามาช่วยนั้นคือ SAN (Storage Area Network) 

         ทั้งนี้ก็แล้วแต่ละเลือกใช้ Storage กันว่าจะใช้แบบไหน ใช้ของเจ้าไหน แต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างในเทคโนโลยี่ที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของ Software บริหารจัดการ Storage และ เทคโนโลยี่การเก็บ Array ของการทำ RAID เพื่อป้องกัน Disk ให้มากที่สุด และเรื่องของการทำ Backup ที่รวดเร็วแตกต่างกันไป พูดพอแล้ว ก็มาดูรูปกันว่า DAS - NAS - SAN มันเป็นแบบไหน
ปัจจุบันการต่อเชื่อมของ SAN จะมี 2 รูปแบบ หรือ 2 Protocol คือ Fibre Channel Protocol (FC) และ iSCSI 
        - FC จะเป็นการต่อเชื่อมโดยใช้สายไฟเบอร์ในการเชื่อมต่อและจะต้องมี SAN Switch โดยมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 4Gbps และ 8Gbps รวมถึงต้องมี Interface Card ที่เรียกว่า Host Bus Adapter (HBA)
        - iSCSI จะเชื่อมต่อโดยใช้สาย LAN (RJ45) สามารถใช้ Network Switch เดิมที่มีอยู่ได้เลย ความเร็วขึ้นอยู่กับ network ที่ใช้ว่าเป็น 1Gbps หรือ 10Gbps โดยสามารถใช้ LAN Card เดิมที่มีอยู่ก็สามารถใช้งานได้ โดยจะต้องลง Software iSCSI Initiator (จะใช้ความสามารถของ CPU และ Memory ของ Server ในการประมวลผล) หรือใช้ iSCSI Adapter ก็ได้ (ราคาพอๆ กับ HBA)

Laravel

  Laravel Framework คือ PHP Framework ตัวหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในรูปแบบ MVC (Model Views Controller) ซึ่งมีการแ...