ในบทก่อนหน้า คุณได้เรียนพื้นฐานของภาษา C++ ไปแล้ว ในบทนี้
คุณจะได้เรียนเกี่ยวกับการควบคุมโปรแกรมโดยการใช้คำสั่งควบคุม อย่างเช่น
if, if else, switch, for, while, do-while
คำสั่งเหล่านี้ใช้เพื่อควบคุมโปรแกรมเพื่อให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ
คำ สั่ง If, if else, และ switch ถูกใช้เพื่อควบคุมโปรแกรมโดยมีเงื่อนไขเป็น expression คำสั่งวนซ้ำ เช่น for, while, และ do-while ถูกใช้เพื่อทำซ้ำส่วนของโค้ดตามเงื่อนไขของมัน
มากไปกว่านั้น expression สามารถมีได้หลายเงื่อนไข โดยการใช้ตัวดำเนินการตรรกะ
ในตัวอย่าง มันสามารถถูกเขียนโดยการใช้คำสั่ง if-else ได้ดังด้านล่างนี้
และนี่เป็นผลลัพธ์เมื่อรันโปรแกรม
ตัวอย่างการนับตัวเลขโดยการใช้ for loop
คำ สั่ง If, if else, และ switch ถูกใช้เพื่อควบคุมโปรแกรมโดยมีเงื่อนไขเป็น expression คำสั่งวนซ้ำ เช่น for, while, และ do-while ถูกใช้เพื่อทำซ้ำส่วนของโค้ดตามเงื่อนไขของมัน
คำสัง If
คำสั่ง if ถูกใช้เพื่อควบคุมโปรแกรมกับเงื่อนไขที่กำหนด โค้ดในบล็อคของ คำสั่ง If จะทำงานถ้าเงื่อนไขตรงหรือเป็นจริงint n = 10; if (n == 10) { cout << "n is 10"; }ในตัวอย่างนี้ เราได้ใช้ if เพื่อตรวจสอบว่าตัวแปร n เท่ากับ 10 หรือไม่ ถ้ามันตรงกับเงื่อนไข โปรแกรมจะทำงานในบล็อคของ If คือ
cout << "n is 10"
.คำสั่ง If else
คำ สั่ง If else นั้นคล้ายกับคำสั่ง if คำสั่ง Else เพื่อทำเงื่อนไขที่นอกเหลือจากเงื่อนไขอื่นทั้งหมด และมันจะต้องเริ่มต้นด้วยคำสั่ง if เสมอint m = -1; if (n < 0) { cout << "Negative number."; } else if (n > 0) { cout << "Positive number."; } else { cout << "Zero number"; }ในตัวอย่าง คำสั่ง If สามารถมีเงื่อไนได้หลายอันดดยการใช้
if else ()
เงื่อนไขสุดท้ายคืแ else
ซึ่งมันจะทำงานเมื่อไม่ตรงกับเงื่อนไขใดๆ ก่อนหน้า ในโค้ด เรามีตัวแปร m ซึ่งมีข้อมูลเป็นแบบ integer โปรแกรมของเรานั้นจะตรวจสอบว่า m เป็นจำนวนเต็มบวก เต็มลบ หรือศูนย์มากไปกว่านั้น expression สามารถมีได้หลายเงื่อนไข โดยการใช้ตัวดำเนินการตรรกะ
int a = 12; int b = 5; if (a > 10 && b % 2 == 0) { cout << "a is greater than 10 and b is even number."; } else { cout << "Other condition"; }ในตัวอย่างนั้นใช้หลายเงื่อนไขและผลลัพธ์ของโปรแกรมจะเป็น "Other condition" เพราะว่า a นั้นมากกว่า 10 แต่ b นั้นไม่เป็นจำนวนคู่ คุณสามารถเพิ่มเงื่อนไขได้อีกตามที่คุณต้องการ
คำสั่ง Switch case
คำสั่ง switch-case นั้นคล้ายกับ คำสั่ง If-else เป้าหมายของมันเพื่อตรวจสอบกับค่าคงที่ นี่เป็นตัวอย่างการใช้คำสั่ง switchswitch (n) { case 1: cout << "n is 1"; break; case 2: cout << "n is 2"; break; default: cout << "Unknown n"; }Switch expression สามารถมีได้แค่หนึ่งค่าเพื่อประเมิน คำสั่ง
case
เป็นคำสั่งเงื่อนไขเพื่อเปรียบเทียบค่า ในตัวอย่าง case 1: จะทำงานเมื่อ n มีค่าเท่ากับ 1 หลังจากคำสั่งด้านล่างเราต้องใส่คำสั่ง break
เพื่อหยุดสำหรับแต่ละ case คำสั่ง default นั้นเป็นทางเลือกเมื่อโปรแกรมไม่ตรงกับเงื่อนไขใดๆ ก่อนหน้าในตัวอย่าง มันสามารถถูกเขียนโดยการใช้คำสั่ง if-else ได้ดังด้านล่างนี้
#include <iostream> using namespace std; int main () { if (n == 1) { cout << "n is 1"; } else if (n == 2) { cout << "n is 2"; } else { cout << "Unknown n"; } return 0; }
คำสั่ง while loop
ลูปที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดในภาษา C++ นั้นคือ while loop ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานคือwhile (expression) { statements }คำ สั่ง while-loop ใช้เพื่อทำสั่งโค้ดของโปรแกรมในขณะที่ expression เป็นจริง true และมันจะสิ้นสุดการทำงานเมื่อ expression ไม่เท็จและออกจาก while-loop และทำคำสั่งอื่นต่อไป
#include <iostream> using namespace std; int main () { int n = 1; while (n <= 10) { cout << n << ","; n++; } cout << " end loop"; return 0; }ใน ตัวอย่าง โปรแกรมจะนับจาก 1 ถึง 10 เราได้ประกาศตัวแปร n และกำหนดค่าให้เป็น 1 ก่อนที่มันจะเข้าไปในทำงานใน while-loop while-loop จะทำการตรวจสอบ expression และเข้าสู่ถ้าเงื่อนไขยังคงเป็นจริง; และแสดงค่า n ออกทางจอภาพและเพิ่มค่า n ขึ้น 1 จนกว่า nจะเพิ่มไปถึง 10 ซึ่งจะทำให้ expression และโปรแกรมจะออกจาก loop และทำสั่งอื่นต่อไป
และนี่เป็นผลลัพธ์เมื่อรันโปรแกรม
1,2,3,4,5,6,7,8,9,10, end loop
คำสั่ง do-while loop
ลูปที่คล้ายกับ while-loop คือ do-while ลูป มันมีรูปแบบดังนี้do { statements } while (condition);มัน ทำงานเหมือน while loop ยกเว้นในการเปรียบเทียบเงื่อนไขจะทำตอนท้ายหลังจากสิ้นสุดคำสั่งในลูป นั่นหมายความว่า do-while loop จะต้องทำงานอย่างน้อยหนึ่งรอบแน่นอน มันมักจะใช้กับโปรแกรมที่จำเป็นต้องรับค่าจากผู้ใช้ก่อนที่จะทำอย่างอื่นต่อ ไป มาดูตัวอย่างที่ง่ายๆ
#include <iostream> using namespace std; int main () { char ch; do { cout << "Enter 'n' to exit loop: "; cin >> ch; } while (ch != 'n'); cout << "Exit from the loop."; return 0; }โปรแกรม ข้างบนต้องการรับค่าจากผู้ใช้ expression ของมันต้องการตัวอักษร 'n' character เพื่อออกจากลูป นี่คือผลลัพธ์ของโปรแกรมเมื่อได้ทดสอบ คุณสามารถลองดูได้เช่นกัน
Enter 'n' to exit loop: a Enter 'n' to exit loop: b Enter 'n' to exit loop: c Enter 'n' to exit loop: n Exit from the loop.
คำสั่ง for loop
for loop เป็นลูปที่มีการวนรอบเป็นจำนวนที่แน่นอน รูปแบบของมันคือfor (initialize; condition; increase) { statements }for loop เป็นลูปที่สามารถวนรอบตามตัวเลขที่กำหนดได้ มันทำงานเหมือน while-loop มันจะวนซ้ำจนกว่า expressionจะเป็นเท็จ นอกจากนั้น เรายังสามารถประกาศตัวแปรเริ่มต้น สร้าง expression เพิ่มและลดค่าก่อนที่ลูปจะเริ่ม
ตัวอย่างการนับตัวเลขโดยการใช้ for loop
#include <iostream> using namespace std; int main () { for (int n = 1; n <= 10; n++) { cout << n << ","; } cout << " end loop"; return 0; }และนี่เป็นผลลัพธ์เมื่อเรารันโปรแกรม ซึ่งมันเป็นโปรแกรมเดียวกันกับตัวอย่างของ while-loop ก่อนหน้า
1,2,3,4,5,6,7,8,9,10, end loop
คำสั่ง break
คำสั่ง break เพื่อจบลูปในทันที และมันไม่สนใจว่า expression จะเป็นจริงหรือไม่#include <iostream> using namespace std; int main () { for (int n = 1; n <= 10; n++) { if(n == 5) break; cout << n << ","; } cout << " end loop"; return 0; }จากตัวอย่างข้างบน โปรแกรมจะออกจากลูปเมื่อ n มีค่าเท่ากับ 5 คำสั่ง
break
สามารถใช้กับลูป เช่น for, while, do-while, switch และอื่นๆ และผลลัพธ์การทำงานจะเป็นดังนี้1,2,3,4, end loop
คำสั่ง continue
ไม่เหมือนคำสั่ง break คำสั่ง continue ถูกใช้เพื่อข้ามการทำงานในรอบปัจจุบัน ซึ่งจะไม่ทำคำสั่งหลังจากมันและไปเริ่มรอบถัดไป#include <iostream> using namespace std; int main () { for (int n = 1; n <= 10; n++) { if(n % 2 == 0) continue; cout << n << ","; } cout << " end loop"; return 0; }โปรแกรมจะข้ามลูปถ้า n เป็นตัวเลขคู่
1, 3, 5, 7, 9, end loopใน บทนี้ เราได้ครอบคลุมเนื้อหาพื้นฐานของคำสั่งควบคุมโปรแกรม ซึ่งเป็นเครื่องมีที่มีประโยชน์เพื่อช่วยให้เราควบคุมโปรแกรมให้เป็นไปตาม ที่ต้องการได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น