ฟังก์ชันเป็นส่วนหรือกลุ่มของคำสั่งเพื่อทำงานบางอย่าง แนวคิดของฟังก์ชันคือการรวบรวมโค้ดที่ใช้บ่อยๆ และซ้ำๆ กลับมาใช้ใหม่
เมื่อ คุณสร้างฟังก์ชันมันสามารถถูกเรียกใช้ได้จากทุกจุดของโปรแกรม บางครั้งขึ้นกับขอบเขตของมัน รูปแบบในการเขียนฟังก์ชันในภาษา C++ คือ:
- name นั้นเป็นชื่อของฟังก์ชันที่เราสร้างขึ้น มันมีวิธีการตั้งคือโดยการใช้กฏแบบเดียวกันกับการตั้งชื่อตัวแปร มันสามารถประกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวเลข และ underscore (_) แต่ไม่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวเลข
- Parameters เป็นเซ็ตของตัวแปรที่ถูกส่งเข้ามายังฟังก์ชัน ฟังก์ชันสามารถมีหรือไม่มีพารามีเตอร์ก็ได้ ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของมัน
- Statement คือโค้ดของโปรแกรมที่จะทำงานและให้ค่าผลลัพธ์ของฟังก์ชัน
ในโปรแกรมของเรา จะต้องได้ 8เป็นค่าส่งกลับ ข้างล่างนี้เป็นผลลัพธ์ของโปรแกรม
เมื่อ คุณสร้างฟังก์ชันมันสามารถถูกเรียกใช้ได้จากทุกจุดของโปรแกรม บางครั้งขึ้นกับขอบเขตของมัน รูปแบบในการเขียนฟังก์ชันในภาษา C++ คือ:
type name ( parameter1, parameter2, ... ) { statements }- type เป็นประเภทของฟังก์ชันสำหรับการส่งค่ากลับ ประเภทของฟังก์ชันนั้นจะเป็นเหมือนประเภทของัวแปร เช่น integer, floating, double หรือแบบอ็อบเจ็ค ประเภทแบบ
void
หมายความว่าฟังก์ชันไม่มีค่าที่ต้องส่งกลับ- name นั้นเป็นชื่อของฟังก์ชันที่เราสร้างขึ้น มันมีวิธีการตั้งคือโดยการใช้กฏแบบเดียวกันกับการตั้งชื่อตัวแปร มันสามารถประกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวเลข และ underscore (_) แต่ไม่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวเลข
- Parameters เป็นเซ็ตของตัวแปรที่ถูกส่งเข้ามายังฟังก์ชัน ฟังก์ชันสามารถมีหรือไม่มีพารามีเตอร์ก็ได้ ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของมัน
- Statement คือโค้ดของโปรแกรมที่จะทำงานและให้ค่าผลลัพธ์ของฟังก์ชัน
การประกาศฟังก์ชัน
เพื่อประกาศฟังก์ชันในภาษา C++ คุณจำเป็นต้องทำตามรูปแบบของมัน มาดูตัวอย่าง#include <iostream> using namespace std; int sum (int x, int y) { int z = x + y; return z; } int main () { int a = 3; int b = 5; cout << "a + b = " << sum(a, b); return 0; }ในตัวอย่าง เราได้สร้างฟังก์ชันเพื่อหาผลรวมของตัวแปร 2 ตัว โดยประเภทของฟังก์ชันนั้นจะเป็น
int
นั่นหมายความว่าฟังก์ชันจะส่งค่ากลับเป็นข้อมูลแบบ integer และชื่อของฟังก์ชันคือ sum
และมีพารามิเตอร์สองตัว ดังนั้น เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน
โดยการใช้ชื่อของมัน และส่งพารามิเตอร์ไปเหมือนที่เราได้ประกาศในฟังก์ชัน
เมื่อฟังก์ชันถูกเรียกใช้ มันจะประมวลผลคำสั่งในฟังก์ชัน และจะใช้คำสั่ง return
เพื่อส่งค่ากลับมายังจุดเรียกฟังก์ชันในโปรแกรมของเรา จะต้องได้ 8เป็นค่าส่งกลับ ข้างล่างนี้เป็นผลลัพธ์ของโปรแกรม
a + b = 8
Function parameters
เหมือน ที่กล่าวไว้ก่อนหน้า ฟังก์ชันพารามิเตอร์เป็นเซ็ตของตัวแปรหรืออ็อบเจ็คที่ส่งไปยังฟังก์ชัน ประเภทของพารามิเตอร์นั้นเป็นตัวแปรหรือออบเจ็ค และฟังก์ชันสามารถมีหรือไม่มีพารามิเตอร์ก็ได้ มาดูตัวอย่างของการใช้ฟังก์ชันพารามิเตอร์// Function without parameter float getPI () { return 3.14; } // Function with three parameters int findVolume(float width, float long, float height) { float volume = width * long * height; return volume; } // Function with difference parameter types void printData(string name, int age) { cout << "Hi, " << name << endl; cout << "Your age is " << age << endl; }
Function arguments
ฟังก์ชัน อากิวเม้นต์คือเซ็ตของตัวแปรที่ส่งไปยังฟังก์ชัน อากิวเม้นต์จะต้องตรงกันกับฟังก์ชันพารามิเตอร์และเรียงไปตามลำดับที่ได้ ประกาศไว้ มาดูสามตัวอย่างเกี่ยวกับฟังก์ชันอากิวเม้นต์printData("Marcus", 14);ฟังก์ชัน
printData
มีสองพารามิเตอร์ และประเภทอากิวเม้นต์ของมันคือ string และ int ตามลำดับ
ในการที่จะส่งอากิวเม้นต์ไปยังฟังก์ชัน อากิวเม้นต์ตัวแรกจะต้องเป็น string
ด้วย และตัวที่สองจะต้องเป็น integer เช่นกันการส่งค่ากลับ return
การส่งค่ากลับจะใช้คำสั่งreturn
มันเป็นผลลัพธ์ของฟังก์ชันเพื่อที่จะส่งกลับไปยังจุดเรียกเมื่อสิ้นสุดการทำ
งานของฟังก์ชัน ประเภทตัวแปรที่ส่งกลับจะต้องตรงกันกับประเภทของฟังก์ชัน
และบางฟังก์ชันอาจจะไม่มีการส่งค่ากลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น