6.1 อาร์กิวเมนต์ที่มีคีย์เวิร์ด
อาร์กิวเมนต์ที่มีคีย์เวิร์ด
ฟังก์ชันที่มีอาร์กิวเมนต์เป็นคีย์เวิร์ด
มีลักษณะเหมือนฟังก์ชันที่มีอาร์กิวเมนต์ทั่วไป
แต่อาร์กิวเมนต์ที่ต้องใส่สามารถระบุตัวแปรพร้อมกับค่าของตัวแปรมาพร้อมกับ อาร์กิวเมนต์ในขณะเรียกใช้ได้เลย แต่ภาษาไพธอนยอมให้เรียกใช้ฟังก์ชันโดยไม่ต้องมี อาร์กิวเมนต์แบบนี้ก็ได้
ดังตัวอย่างในภาพที่ 6.5
ภาพที่ 6.5 แสดงคำสั่งฟังก์ชันที่มีอาร์กิวเมนต์ที่เป็นคีย์เวิร์ด
จากภาพที่ 6.5
จะเห็นว่ามีการประกาศชื่อฟังก์ชันและมีอาร์กิวเมนต์จำนวน 2
ค่าโดยมีการทำงานของฟังก์ชันเพียงแต่แสดงรายการอาร์กิวเมนต์ของทั้ง 2
ค่าออกมาเท่านั้น แต่เมื่อมาพิจารณาที่โปรแกรมหลัก จะเห็นว่ามีการระบุค่าให้กับตัวแปรที่ต้องการส่งค่าไปด้วย
อาร์กิวเมนต์แบบเป็นคำหลักที่ตัวแปรสามารถสลับตำแหน่งกันได้
ผลการทำงานดังแสดงในภาพที่ 6.6
ภาพที่ 6.6 แสดงผลลัพธ์ของฟังก์ชันอาร์กิวเมนต์
อาร์กิวเมนต์ที่มีค่าเริ่มต้น
อาร์กิ
วเมนต์ที่มีค่าเริ่มต้น
เป็นเช่นเดียวกับอาร์กิวเมนต์ที่จำเป็นต้องมีอาร์กิวเมนต์ เพียงแต่
อาร์กิวเมนต์จำเป็นต้องกำหนดค่าเริ่มต้นเอาไว้เป็นหลักเสียก่อน
ในกรณีที่เรียกใช้ฟังก์ชันแล้วใส่อาร์กิวเมนต์ที่มีค่าไม่ตรงกับค่าเริ่มต้น
ฟังก์ชันนั้นจะได้นำเอาตัวแปรที่ส่งค่าไปยังฟังก์ชันแทน
ในทางตรงกันข้ามถ้าผู้ใช้ไม่ได้กำหนดค่าอาร์กิวเมนต์ส่งไป ฟังก์ชันจะยึดเอาค่าที่ได้กำหนดเป็นค่าเริ่มต้นไปประมวลผลแทน
ดังตัวอย่างในภาพที่ 6.7
ภาพที่ 6.7 แสดงคำสั่งการสร้างฟังก์ชันอาร์กิวเมนต์ที่มีค่าเริ่มต้น
จากภาพที่ 6.7 เป็นฟังก์ชันที่มีค่าเริ่มต้น
เหมาะสำหรับมีการเปลี่ยนแปลงค่า ตัวแปรที่มีหลายค่า
แต่ค่าที่เรียกใช้บ่อยที่สุดจะถูกกำหนดไว้เป็นค่าเริ่มต้น ดังตัวอย่างภาพที่ 6.7
เป็นการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างบัญชีเงินฝากของธนาคาร โดยมีตัวแปร 3 ค่า ได้แก่
รหัสบัญชี จำนวนเงินที่เหลือ และอัตราดอกเบี้ยต่อปี โดยกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากรายปีเป็นค่าเริ่มต้น
ในกรณีที่มีเงินฝากคงเหลือน้อยกว่า 50,000 บาท ให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ
1.00 แต่กรณีที่มากกว่าหรือเท่ากับ 50,000 บาท ให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ
2.50 บาท/ปี เป็นต้น ซึ่งผลการคำนวณดอกเบี้ยในรอบปีจะได้ดังภาพที่
6.8
อาร์กิวเมนต์ที่มีขนาดไม่แน่นอน
จุดเด่นของภาษาไพธอนที่ไม่เหมือนโปรแกรมภาษาอื่น ก็คือ
อาร์กิวเมนต์ที่มีขนาดไม่แน่นอน ซึ่งทำให้การเขียนโปรแกรมได้ยืดหยุ่น
ง่ายต่อการนำไปประยุกต์ใช้ โดยปกติฟังก์ชันชนิดอื่นจะมีการกำหนดชื่ออาร์กิวเมนต์เป็นรายตัวแปรแต่ละค่า
แต่อาร์กิวเมนต์ที่มีขนาดไม่แน่นอนไม่จำเป็นต้องระบุ เพียงแต่ใช้เครื่องหมายดอกจัน
(*) ข้างหน้าตัวแปรตัวเดียว โดยตัวแปรจะมีโครงสร้างเป็นชนิดทูเพิล ซึ่งมีลักษณะรูปแบบดังนี้
def
functionName([arg1, ] *var_args_tuple):
“function
doc string”
function_suite
return
[expression]
ตัวอย่างฟังก์ชันที่มีขนาดไม่แน่นอน
ดังภาพที่ 6.9
ภาพที่ 6.9 แสดงคำสั่งฟังก์ชันที่มีอาร์กิวเมนต์ที่มีขนาดไม่แน่นอน
จากภาพที่ 6.9
แสดงคำสั่งการสร้างฟังก์ชันที่มีจำนวนอาร์กิวเมนต์ไม่แน่นอน
นำมาประยุกต์ใช้กับการส่งค่าข้อมูลจำนวนกี่ตัวก็ได้ นำข้อมูลเหล่านั้นมาบวกรวมกัน
แล้วส่งผลการบวกไปที่โปรแกรมหลัก ตัวแปรอาร์กิวเมนต์ที่รับเข้ามานั้นจะมีตัวอักขระดอกจันนำหน้า
เมื่อรับเข้ามาจะกำหนดให้ผลลัพธ์เท่ากับ 0 (total = 0) ก่อนเสมอ จากนั้นให้ประมวลผลทำซ้ำตามจำนวนรอบเท่ากับจำนวนอาร์กิวเมนต์ โดยรอบที่
1 จะนำเอาอาร์กิวเมนต์แรกบวกกับอาร์กิวเมนต์ที่ 2
และบวกกับอาร์กิวเมนต์ต่อไปเรื่อย ๆ จนครบจำนวนรอบทั้งหมด หลังจากนั้นจึงใช้คำสั่งเพื่อให้แสดงผลลัพธ์ที่ตัวแปร
total ผลการทำงานของโปรแกรมจึงได้ผลลัพธ์ดังภาพที่
6.10
ภาพที่ 6.10 แสดงผลลัพธ์ของฟังก์ชันการบวกที่มีอาร์กิวเมนต์ไม่แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น