6.2 การใช้ฟังก์ชัน
1. การสร้างฟังก์ชัน
การสร้างฟังก์ชันด้วยตนเอง
สามารถเขียนด้วยคำขึ้นต้นว่า def และตามด้วยชื่อฟังก์ชัน
ตามที่ต้องการให้ทำหน้าที่อะไร โดยชื่อจะต้องไม่ซ้ำกับคำสงวน
ควรสื่อความหมายให้ตรงกับหน้าที่ของฟังก์ชัน
จากนั้นให้ระบุชื่อตัวแปรสำหรับต้องการให้เป็นอาร์กิวเมนต์ ซึ่งอยู่ภายในวงเล็บ ตัวแปรอาจมีมากกว่า
1 ตัวแปรก็ได้ มีรูปแบบ ดังนี้
def functionName(arguments):
“function document String”
function_suite
return [expression]
“function document String”
function_suite
return [expression]
ความหมายของคำสั่ง มีดังนี้
def หมายถึง เป็นคำสำคัญสำหรับการสร้างฟังก์ชัน
functionName หมายถึง เป็นชื่อของฟังก์ชัน
arguments หมายถึง ตัวแปรหรือข้อมูลที่จะรับเข้ามาเพื่อนำไปประมวลผลภายในฟังก์ชัน
อาร์กิวเมนต์ ต้องอยู่ภายในวงเล็บเสมอ
ด้านหลัง
เครื่องหมายวงเล็บปิดจะต้องมีเครื่องหมาย : เพื่อบอกว่า
สิ้นสุดบล็อกคำสั่งของการกำหนดชื่อและอาร์กิวเมนต์
และเมื่อกดปุ่ม enter จะได้จัดย่อหน้าได้ถูกต้อง
“function document string” หมายถึง เป็นการสร้างคำอธิบายบอกสารสนเทศของฟังก์ชันนั้น คำอธิบายฟังก์ชันอาจไม่เขียนบันทึกไว้ก็ได้
แต่เป็นการไม่เหมาะสม
function suite หมายถึง คำสั่งหรือเงื่อนไขต่าง ๆ
ของฟังก์ชันที่ต้องการให้ทำงาน หรือต้องการให้ประมวลผล
กับอาร์กิวเมนต์ที่ส่งเข้ามา
return [expression] หมายถึง การส่งค่าผลลัพธ์ใด ๆ
ที่เกิดจากการประมวลผลภายในฟังก์ชัน การส่งค่ากลับจัดเป็นประเภททางเลือก
บางฟังก์ชันอาจจะสั่งให้ทำงานเสร็จสิ้นภายในฟังก์ชัน นั้น ๆ ก็ได้
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการสร้างฟังก์ชันการหาผลลัพธ์ของเลขยกกำลัง
ภาพที่ 6.11 แสดงคำสั่งการสร้างฟังก์ชัน
จากภาพที่ 6.11 เป็นโปรแกรมที่เขียนสั้น ๆ มีความหมายดังนี้
บรรทัดที่
1 ด้วยการประกาศชื่อฟังก์ชัน และมีอาร์กิวเมนต์เป็นตัวแปร 2 ตัวแปร ได้แก่ x และ y
บรรทัดที่ 2 เป็นคำอธิบายถึงหน้าที่ของฟังก์ชันนี้
บรรทัดที่
3 เป็นคำสั่งส่งค่ากลับ โดยค่าที่ส่งไป คือ ผลคูณเลขยกกำลังที่รับเข้ามาจากตัวแปร x และ y
การเรียกใช้ฟังก์ชัน
เมื่อสร้างฟังก์ชันเสร็จเรียบร้อยแล้ว การเรียกใช้ฟังก์ชันสามารถกระทำได้
2 วิธี ด้วยกัน ได้แก่ วิธีเรียกใช้จากโปรแกรมเดียวกัน และวิธีเรียกใช้จากฟังก์ชันอื่น
ๆ มีรายละเอียดดังนี้
2.1 วิธีเรียกใช้จากโปรแกรมเดียวกัน จากตัวอย่างคำสั่งดังภาพที่
6.12 เป็นการเรียกใช้จากโปรแกรมเดียวกัน
โดยการเรียกใช้ฟังก์ชันผ่านคำสั่ง print ให้สังเกต
วิธีการเขียนคำสั่งเรียกใช้พร้อมกับแสดงผลข้อความร่วมกับเรียกใช้ฟังก์ชัน
ภาพที่ 6.12 แสดงคำสั่งการเรียกใช้ฟังก์ชัน
จาก
ภาพที่ 6.12 เมื่อเพิ่มคำสั่งการแสดงข้อมูล
โดยการใส่ชื่อฟังก์ชันและป้อนค่าอาร์กิวเมนต์จำนวน 2 ค่าอยู่ภายในวงเล็บ
การทำงานของชื่อฟังก์ชันนี้จะไปเรียกใช้ฟังก์ชันบรรทัดที่มีคำว่า
def compute_power(2,8) ค่าอาร์กิวเมนต์แรก คือ 2
จะไปแทนตัวแปร x และ8 จะแทนค่า y ตามลำดับ
ซึ่งคำสั่งในฟังก์ชันให้ส่งค่ากลับการคูณยกกำลังของ xy หรือ 28 กลับไปยังคำสั่ง print
ภาพที่ 6.13 แสดงผลลัพธ์ของการใช้ฟังก์ชัน
จากผลการทำงานของฟังก์ชัน compute_power(2,8)
และ compute_power(10,10) เป็นเรียกฟังก์ชันเดียวกัน 2
ครั้งดังนั้นผลลัพธ์ของ 28 จึงเท่ากับ 256 และ 1010 ได้ผลลัพธ์เท่ากับ 10,000,000,000
2.2 วิธีเรียกใช้จากโปรแกรมอื่น
เป็นวิธีที่ใช้สำหรับการเขียนโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนซึ่งมักจะนำฟังก์ชันที่เขียนขึ้นมา
จัดเก็บเอาไว้เป็นไลบรารีอย่างเป็นระบบ เพื่อต้องการให้โปรแกรมต่าง
ๆ สามารถเรียกใช้ได้ ผ่านคำสั่ง import ซึ่งวิธีการเรียกใช้จากโปรแกรมอื่นจะได้กล่าวในหัวข้อการสร้างมอดูลและการเรียกใช้มอดูล
ในส่วนท้ายของบทนี้ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น