วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

How To: ติดตั้ง Linux ด้วยตนเอง (ตอนที่ 2/2)




ในที่นี้เป็นการติดตั้ง Linux Mint (แบบ CD) ครับ ส่วน Linux ตัวอื่นๆ อาจจะมีวิธีติดตั้งที่แตกต่างกันไปบ้าง มีการลดหรือเพิ่มขั้นตอนไปจากนี้ แต่โดยหลักๆ แล้วก็จะทำตาม 4 ขั้นตอนหลักนี้ครับ
 
1. สั่งให้เครื่อง boot จาก CD หรือ USB
2. เลือกภาษาของ Interface
3. เลือกวิธีการติดตั้ง และที่ๆ จะติดตั้ง
4. กรอกข้อมูลของผู้ใช้ รหัสผ่าน และตัวเลือกอื่นๆ
5. ใส่ Serial Number ของตัวติดตั้ง (ล้อเล่นครับ.. Linux มันฟรี ไม่ต้องซื้อมา)
 
 
~ ~ ~ ~ ~
 
 
1. สั่งให้เครื่อง boot จาก CD หรือ USB
หลังจากที่เราได้ทำการเตรียมพื้นที่ติดตั้ง และตัวติดตั้งมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ CD, DVD หรือ USB ให้เราใส่แผ่น/เสียบลงไปแล้ว Restart เครื่องใหม่ ทำเหมือนกับตอนที่เราจะลง Windows แหละครับ... ตอนที่กำลังรอ Boot ให้กด F8 เพื่อเรียกหน้าจอ Boot Device (หรือปุ่มอื่นๆ ตามคู่มือ แล้วแต่ยี่ห้อเมนบอร์ด) ให้เลือกที่อุปกรณ์ CD, DVD หรือ USB แทนการ Boot จากฮาร์ดดิสก์
 
หน้าจอจะโชว์ตัวเลือกขึ้นมา ให้กด Enter ไปเลย แล้วรอสักประมาณ 1 นาที
* ถ้าหลังจากนี้พบปัญหาค้างอยู่ที่หน้าจอใดเป็นเวลานานๆ ให้ลอง Restart เครื่องใหม่แล้วเลือกเข้าเป็น Compatibility Mode แทน แต่ถ้ายังเป็นเหมือนเดิม แสดงว่าเป็นปัญหาที่ตัวติดตั้ง ให้เราไปทำตัวติดตั้งใหม่ตั้งแต่ต้น จะให้ดีเริ่มใหม่ตั้งแต่การโหลดมาเลยจะดีที่สุด
 
ตอนนี้เราจะเข้าสู่โหมด Live Session User ซึ่งในนี้เราจะลองใช้ดูและทำอะไรๆ ได้เกือบทุกอย่างเหมือนกับตอนที่ติดตั้งไปแล้ว ถ้าอยากติดตั้งเลยก็แค่ดับเบิลคลิกที่ Install Linux Mint


2. เลือกภาษาของ Interface
 
 
ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าอยากจะใช้งาน Linux Mint เป็นภาษาไหนนะครับ จะภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ สำหรับผม ผมเลือกภาษาอังกฤษครับ เพื่อให้เข้ากันกับบางโปรแกรมที่มีแต่เมนูภาษาอังกฤษอย่างเดียว เวลาใช้งานจะได้ไม่สับสน
 
 
ถัดมาก็จะเป็นการเช็คว่าเครื่องของเราพร้อมที่จะติดตั้งหรือยัง ในนี้จะเช็คว่ามีพื้นที่ว่าบนฮาร์ดดิสก์พอหรือเปล่า กำลังต่อเน็ตอยู่มั้ย ตรงส่วนนี้คิดว่าทุกคนคงจะไม่มีปัญหาใดๆ อยู่แล้ว ก็กด Next ไปได้เลย
* ความจริงแล้วถึงไม่ได้ต่อเน็ตอยู่ก็ยังสามารถติดตั้งให้เสร็จได้ แต่อาจจะเสร็จแบบไม่สมบูรณ์นัก (ถึงกระนั้นก็ยังพอใช้งานได้) ทางที่ดีก็ต่อไว้แล้วกันครับ เผื่อไว้ให้เครื่องโหลดไดรเวอร์และตัว Codec ของเพลงกับหนัง
 

3. เลือกวิธีการติดตั้ง และที่ๆ จะติดตั้ง
เป็นขั้นตอนที่สำคัญและควรระมัดระวังในการทำเป็นอย่างมาก เนื่องจากถ้าเราเลือกขั้นตอนและกด Install ไปแล้วเกิดผิดพลาดไป จะเลิกทำแล้วย้อนกลับมาอีกก็ไม่ได้แล้ว Frown
 
ในหน้านี้ก็จะมีตัวเลือกอยู่ 3 ข้อ แปลตามความเข้าใจของผมได้ดังนี้...

- ติดตั้งคู่กับ OS เดิม (Windows, Mac ฯลฯ)
ข้อมูลทุกอย่างบนเครื่องจะยังคงอยู่ Linux จะถูกติดตั้งลงไปในส่วนพื้นที่ว่างของฮาร์ดดิลส์ที่ยังไม่ทำ Partition หรือถ้าโดนทำไปแล้วทั้งหมด มันก็จะขอแบ่งส่วนจาก Partition ที่เหลือที่ว่างมากที่สุดแทน (เรากำหนดพื้นที่ให้มันได้) หลังจากติดตั้งเสร็จ เวลาเปิดเครื่องมาก็จะมีหน้าจอให้เลือกว่าจะเข้า OS ไหน

- ติดตั้งลงไปแทนที่ OS เดิม
เป็นตัวเลือกที่ขอบอกได้ว่า ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ อย่าใช้ เพราะตอนติดตั้งใช่ว่ามันจะลบแค่เฉพาะตัว OS เดิม มันจะทำการลบข้อมูลทุกอย่างในเครื่องหมด!! ตรงนี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีตัวเลือกนี้เพื่ออะไร เอาเป็นว่ามือใหม่ให้หลีกเลี่ยงไว้ก่อนแล้วกัน (จขบ. เคยโดนมาแล้วด้วยความไม่รู้ ข้อมูลหายเกลี้ยงไม่ว่าไดรฟ์ไหนๆ Tongue out )

- กำหนดการติดตั้งเอง
วิธีนี้ดูจะยุ่งยากสุดในสายตามือใหม่ แต่นี่แหละครับเป็นตัวเลือกที่เซฟๆ ที่สุดแล้วถ้าใช้เป็น แล้วก็เป็นวิธีที่ผมจะมาเสนอในขั้นตอนนี้ Cool
 
คลิกเลือก "Something else" แล้วจะขึ้นหน้านี้มา แสดงให้เห็น partition ในฮาร์ดดิสก์ของเรา ให้คลิกเลือกที่ free space ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราได้เตรียมไว้จากตอนที่ 1/2 (Entry ที่แล้ว) คลิก Add...
 
ให้เลือกตามนี้แล้วคลิก OK
 
Partition ที่เราเลือกไว้ก็พร้อมที่จะติดตั้งได้ในทันที คลิกที่ Install Now ได้เลยครับ


4. กรอกข้อมูลของผู้ใช้ รหัสผ่าน และตัวเลือกอื่นๆ

ขั้นตอนนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ให้กรอกไปตามจริงจะดีที่สุด โดยเฉพาะตอนตั้งชื่อและรหัสผ่านจะสำคัญมาก เพราะรหัสจะได้ใช้บ่อยแน่ๆ เวลาจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับระบบใน Linux เช่นการติดตั้ง, ถอนโปรแกรม เปลี่ยนแปลงการตั้งค่า หรืออัพเดทสิ่งต่างๆ เป็นต้น
 
ประเทศ เมืองหลวงที่อยู่ของคุณ ปกติเครื่องของเราก็จะเลือกให้เองโดยอัตโนมัติ ตามประเทศที่เราอยู่ ถ้าเครื่องไม่ได้เลือกให้ก็พิมพ์ชื่อเมืองลงไปเอง
 
ภาษาที่ใช้บนคีย์บอร์ด ให้เลือกตามในรูปได้เลยครับถ้าเครื่องไม่ได้เลือกให้เราอีก ช่องยาวๆ ข้างล่างมีไว้สำหรับทดสอบการพิมพ์ ตอนนี้จะยังสลับภาษาได้แค่วิธีกด Alt+Shift เท่านั้น 
 
ตั้งชื่อและรหัสผ่าน อย่างที่ได้บอกไปในหัวข้อว่าสำคัญมาก ระบบจะไม่ให้เราเว้นว่างหรือข้ามไปขั้นตอนถัดไปได้เลย ต้องใส่ให้ครบถ้วนและถูกต้อง บรรทัดแรกให้ใส่ชื่อเรา บรรทัดที่สองจะเป็นชื่อเครื่อง ให้เปลี่ยนจาก (ชื่อคุณ)-system-product-name เป็นชื่อที่ต้องการ บรรทัดต่อมา Username ให้ใส่ชื่อเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด ต่อมาก็เป็นรหัสผ่าน ใส่ให้เหมือนกันทั้งสองช่อง ตัวเลือกข้างล่างนี้ให้เราเลือกได้ว่าจะให้เครื่อง Login เข้าเองได้ หรือให้ถามชื่อกับรหัสผ่านก่อนทุกครั้ง ส่วนตัวเลือก Encrypt my home folder จะเป็นการเข้ารหัส Folder ส่วนตัวของ User เราไว้ จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ (สำหรับมือใหม่ แนะนำว่าไม่ต้องเลือก) เสร็จแล้วก็ Continue ต่อไป
 
นำเข้าการตั้งค่าต่างๆ จาก OS อื่นในเครื่อง ถ้าเลือกไว้ การตั้งค่าต่างๆ ของโปรแกรมที่มีอยู่ใน OS เดิมบางตัวจะถูกพามาใช้ใน Linux ด้วย จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ สำหรับผมจะปล่อยว่างไว้ (เพราะไม่ค่อยได้ใช้ Windows) คลิก Continue ครั้งสุดท้ายแล้วรอให้ติดตั้งเสร็จ
 
ระหว่างรอ ก็จะมีหน้าจอ Welcome ดังรูปมาให้เราดูเล่น คอยนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้ Linux ให้เราทราบ
 
.
.
.
 
ติดตั้งเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะขึ้นข้อความมาตามรูป เลือกได้ว่าจะขออยู่ทดสอบใน Live Session ต่อไป หรือจะ Restart เครื่องเพื่อใช้ Linux ที่เพิ่งติดตั้งไปโดยทันที แน่นอนครับว่าต้อง Restart อยู่แล้ว ก่อนเครื่องจะ Restart จะมีข้อความบอกให้เราเอาตัวติดตั้งออกก่อน เอาออกแล้วก็กด Enter
 
 
~ ~ ~ ~ ~
 
 
ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สำหรับการติดตั้ง Linux ง่ายมั้ยครับ...

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

.
.
.
อะไรนะ?? ยังไม่เข้าใจ ยังมีข้อสงสัย ยังคิดว่ายากอยู่... หรือว่ามีปัญหาขณะติดตั้ง??

ไม่เป็นไรครับ ถามผมมาได้เลย แล้วผมจะตอบให้ใน Entry นี้แน่นอน เจอกันคราวหน้าจะเป็นการบอกเล่าถึงสิ่งที่ผมทำ หลังจากติดตั้งไปใหม่ๆ ครับ (ที่จริงก็ติดตั้งไปค่อนข้างนานแล้ว ขอเวลาไปรื้อฟื้น นึกดูก่อน...)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Set MongoDB in the windows path environment

  Let’s set MongoDB in the windows environment in just a few steps. Step 1: First download a suitable MongoDB version according to your mach...