วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

8 ทักษะที่ Network Engineer ต้องเรียนรู้ในปี 2017

8 ทักษะที่ Network Engineer ต้องเรียนรู้ในปี 2017

เว็บไซต์ NetworkComputing.com ได้ออกมาเขียนถึง 8 ทักษะที่เหล่า Network Engineer ควรมีในปี 2017 ทางทีมงาน TechTalkThai เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน จึงขอหยิบยกมาสรุปเป็นภาษาไทยเอาไว้ดังนี้ครับ
Credit: ShutterStock.com

1. Application Flows

การทำความเข้าใจว่าแต่ละ Application นั้นทำงานอย่างไร และมีลำดับขั้นตอนในการรับหรือส่งข้อมูลอย่างไรบ้างให้ได้จะมีความสำคัญมาก ยิ่งขึ้น เนื่องจากการปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานของ Application ในปัจจุบันที่มักจะต้องมีการรับส่งข้อมูลกันระหว่างหลายๆ ระบบอยู่ตลอดเวลานั้นจะเกี่ยวเนื่องกับการปรับแต่งระบบเครือข่ายให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ Quality of Service (QoS) ในแบบที่ซับซ้อน, การปรับแต่งระบบ Software Defined Networking ให้ดี หรือบางกรณีอาจต้องมีการปรับแต่งประสิทธิภาพของระบบ WAN เลยก็เป็นได้

2. Cybersecurity

ในอดีตนั้น งานทางด้านระบบเครือข่าย และงานทางด้านการรักษาความปลอดภัยนั้นมักอยู่แยกขาดจากกัน แต่ปัจจุบันนั้นการโจมตีมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยในขั้นพื้นฐานนั้นก็เริ่มใช้งานง่ายขึ้นกว่า แต่ก่อนมาก การที่เหล่าผู้ดูแลระบบจะเข้าไปช่วยในการรักษาความปลอดภัยในส่วนของระบบ เครือข่ายเบื้องต้นทั้งหมด และทำการวางสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายทั้งภายในองค์กรและในส่วนของการเชื่อม ต่อไปยังระบบ Cloud ให้เอื้อต่อการจัดการด้านความปลอดภัยมากขึ้นก็ถือเป็นงานที่สมควรทำ (ความคิดเห็นเพิ่มเติม – ส่วนผู้ที่ดูแลรักษาความปลอดภัย IT จะได้ไปทำงานอื่นที่ซับซ้อนกว่านี้หรือทำงานในเชิงภาพรวมได้มากขึ้นนั่นเอง)

3. SD-WAN

ในปี 2016 ที่ผ่านมานั้นมีผลิตภัณฑ์กลุ่ม SD-WAN เกิดขึ้นในตลาดมากมาย ซึ่งบางผลิตภัณฑ์เมื่อใช้งานจริงก็กลับไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาของระบบ WAN ดังคำกล่าวอ้าง ดังนั้นในปี 2017 นี้ที่องค์กรต่างๆ เริ่มมีประสบการณ์กับระบบ SD-WAN กันมากขึ้นแล้ว และเริ่มมองเห็นข้อจำกัดของเทคโนโลยีกันมากขึ้น ก็ได้เวลาที่จะต้องเปิดให้เหล่า Network Engineer ได้เข้าไปทำการประเมินว่าองค์กรควรใช้งาน SD-WAN ต่อไปหรือไม่ หากจะใช้งานต่อต้องมีการปรับปรุงอะไรบ้าง และหากจะเลิกใช้งานจะเปลี่ยนไปเป็นทางเลือกอะไรแทน

4. DNS

ถึงแม้ที่ผ่านมาเหล่า Network Engineer นั้นจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ DNS ซักเท่าไหร่ แต่ในปี 2016 ที่ผ่านมานี้เราก็ได้เห็นประเด็นทางด้านความปลอดภัยและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบ DNS กันมากมาย ทำให้ความรู้ความเข้าใจใน DNS เชิงลึกนั้นกลายมาเป็นประเด็นสำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยในปี 2017 นี้ไปแล้ว อีกทั้ง DNS เองก็ยังมีบทบาทที่สำคัญมากในการใช้งานบริการ Public Cloud หรือ Private Cloud ก็ตามแต่ ดังนั้นเหล่า Network Engineer จึงควรจะหันมาให้ความสำคัญกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ DNS กันเสียหน่อย

5. Internet of Things

การมาของ Internet of Things (IoT) ในตลาดองค์กรนั้นจะสร้างความปวดหัวให้กับเหล่า Network Engineer อย่างแน่นอน ทั้งด้วยประเด็นด้านการออกแบบระบบเครือข่ายให้รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ จำนวนมากได้ทั้งผ่านสาย LAN และ Wireless LAN อีกทั้งยังมีประเด็นด้านความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์ IoT ภายในระบบเครือข่ายขององค์กรเองอีกด้วย ดังนั้นเหล่า Network Engineer จึงควรเตรียมวางแผนแต่เนิ่นๆ สำหรับการเพิ่มขยายระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการมาของ IoT ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกันได้แล้ว

6. การ Virtualize อุปกรณ์เครือข่ายและบริการต่างๆ

ถึงแม้ในปี 2016 ที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีการกล่าวขวัญถึง Software Defined Networking (SDN) กันมากก็ตาม แต่ในปี 2017 นี้เราจะเริ่มได้เห็นการทำ Virtualization ให้กับเหล่าอุปกรณ์และบริการทางด้านระบบเครือข่ายกันมากขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็มสถาปัตยกรรมของ SDN ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั่นเอง ดังนั้นเหล่า Network Engineer ก็ต้องเริ่มหันมาทำความเข้าใจกับแนวคิดของการ Virtualize บริการและความสามารถต่างๆ ทางด้านระบบเครือข่าย รวมถึงทำความเข้าใจการออกแบบระบบในลักษณะนี้ให้ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

7. Network Automation

ก่อนหน้านี้เรามักเข้าใจว่าการทำ Automation ในฝั่งของระบบเครือข่ายนั้นคือการเขียน Script ไปควบคุมการกำหนดค่าการทำงานของอุปกรณ์เครือข่ายแต่ละชุดเท่านั้น เพื่อให้เหล่าผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำมาก ยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันระบบเครือข่ายนั้นเริ่มมีความซับซ้อนสูงขึ้นและต้องเปลี่ยน แปลงอยู่ตลอดเพื่อรองรับการเกิดขึ้นมาของบริการใหม่ๆ หรือ Traffic รูปแบบใหม่ภายในระบบเครือข่าย ดังนั้นการทำ Network Automation จึงเริ่มขยับขึ้นมากลายเป็นการพัฒนาโปรแกรมเพื่อเรียกใช้งาน API ของอุปกรณ์ต่างๆ จำนวนมากให้ปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นไปตามที่องค์กรต้องการให้ได้ภายใน ระบบเครือข่ายที่มีส่วนประกอบจำนวนมากและซับซ้อนเหล่านี้

8. Hyperconverged Systems

ระบบ Hyperconverged Infrastructure เริ่มกลายเป็นที่นิยมภายใน Data Center ของเหล่าองค์กร และเหล่า Network Engineer เองก็ต้องทำความเข้าใจระบบเหล่านี้ที่มีการรวมเอาทั้ง Compute, Storage และ Network เอาไว้ภายในระบบเดียวเพื่อให้สามารถออกแบบระบบเครือข่ายที่เหมาะสมต่อการทำ งานของระบบเหล่านี้ให้ได้ และทำให้เหล่า Application ที่ทำงานอยู่บนระบบเหล่นี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

อ่านจบทั้งหมดนี้ก็ถือว่าไม่ค่อยมีข้อไหนพลิกโผนะครับ น่าจะนำไปใช้เป็นแนวทางพอได้อยู่เหมือนกัน
ที่มา: http://www.networkcomputing.com/careers/8-skills-network-engineers-need-2017/424210919

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Set MongoDB in the windows path environment

  Let’s set MongoDB in the windows environment in just a few steps. Step 1: First download a suitable MongoDB version according to your mach...